กู้บ้านแล้ว ต้องทำประกันสินเชื่อบ้านด้วยไหม??? 

 

ในปัจจุบันการขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินซื้อบ้านและที่อยู่อาศัย หลายๆ ธนาคารพาณิชย์ก็จะเสนอประกันสินเชื่อบ้านเข้าไปในสัญญาด้วย ดูเหมือนเป็นการแกมบังคับให้ผู้กู้ต้องซื้อประกันเข้าไปด้วย แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้บังคับแต่ประการใด ผู้กู้จะซื้อประกันหรือไม่ก็ได้ เหตุผลที่แท้จริงที่ต้องมีประกันก็เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงของทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้

 

โดย “ประกันสินเชื่อบ้าน” หรือ MRTA (Mortgage Reducing Term Assurance) คือ การประกันความเสี่ยงในการชำระหนี้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ประกันนี้จะให้ความคุ้มครองผู้กู้ หากเกิดกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกัน บริษัทประกันก็จะผ่อนชำระหนี้บ้านแทนผู้กู้ ทำให้บ้านที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระนั้นไม่ตกเป็นภาระของครอบครัวและไม่โดนธนาคารยึดไปเนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้สินเชื่อบ้านได้

 

แม้ว่าธนาคารจะไม่ได้บังคับให้ผู้กู้ทุกรายต้องทำประกัน แต่มักจะมีข้อเสนอให้ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่ต่ำกว่าในกรณีที่ผู้กู้เลือกทำประกันสินเชื่อบ้านนี้ไปด้วย โดยเบี้ยประกันนี้จะจ่ายเพียงครั้งเดียวในตอนที่เริ่มต้นทำประกัน โดยที่เบี้ยประกันจะไปหักจากยอดวงเงินกู้

 

ประกันสินเชื่อบ้านเป็นสัญญาแบบทุนประกันลดลง ทุนประกันจะลดลงตามตารางทุนประกันซึ่งสอดคล้องกับภาระหนี้ค่างวดของผู้กู้ที่ลดลงเมื่อมีการผ่อน

 

แต่ถ้าผู้กู้มีประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองชีวิตที่สูงใกล้เคียงกับยอดสินเชื่อที่ต้องการกู้อยู่แล้ว และผู้กู้ไม่มีภาระหรือความจำเป็นอันอื่นที่ต้องมีทุนประกันชีวิตสูงๆ การทำประกันสินเชื่อบ้านก็อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะเบี้ยประกันของประกันคุ้มครองสินเชื่อจะไปหักจากยอดวงเงินกู้ ทำให้ผู้กู้ได้เงินกู้น้อยลงโดยไม่จำเป็น

 

แต่ถ้าผู้กู้ไม่มีประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองชีวิตที่สูงใกล้เคียงกับยอดสินเชื่อที่ต้องการกู้ไว้อยู่แล้ว ผู้กู้ก็ควรทำประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองสูงๆ เอาไว้ ซึ่งประกันชีวิตนี้ก็อาจจะเป็นประกันสินเชื่อบ้านที่ทางธนาคารพาณิชย์เสนอมาพร้อมกับการกู้ หรือ เลือกซื้อประกันชีวิตข้างนอกที่มีความคุ้มครองสูงๆ เพิ่มเติมเองก็ได้ 

 

ในกรณีที่เราผ่อนชำระค่างวดบ้านหมดก่อนระยะเวลาที่กำหนดและหมดก่อนช่วงเวลาคุ้มครองของประกันสินเชื่อบ้านที่ผู้กู้ทำเอาไว้ ผู้กู้สามารถเวนคืนเบี้ยประกันในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ได้ เนื่องจากไม่มียอดหนี้คงค้างแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงความคุ้มครองของประกันคุ้มครองสินเชื่อไว้ต่อไป

 

นอกจากนี้ การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ ที่ทำระยะเวลาความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ยังสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้อีก

 

ดังนั้น เมื่อใดที่จะกู้เงินเพื่อซื้อบ้านและที่อยู่อาศัย ผู้กู้จะต้องพิจารณาถึงความคุ้มครองชีวิตที่ตัวเองมีอยู่แล้วว่ามีเท่ากับยอดสินเชื่อที่จะกู้ไหม หากไม่เท่าและมีส่วนต่างที่ค่อนข้างเยอะ ก็ควรซื้อประกันเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะเป็นประกันสินเชื่อบ้านหรือประกันชีวิตแบบอื่นที่มีความคุ้มครองสูงก็ได้

วิรุฬห์ ไพศาขมาศ

นักวางแผนการเงิน

บทความอื่นๆ